วันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2557

อนุทิน 5

แบบฝึกหัด

1. นักศึกษาอธิบายคำนิยามต่อไปนี้ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพ.ศ. 2542 
ก.การศึกษา ข. การศึกษาขั้นพื้นฐาน ค. การศึกษาตลอดชีวิต ง. มาตรฐานการศึกษา 
จ. การประกันคุณภาพภายใน ช. การประกันคุณภาพภายนอก ซ. ผู้สอน ฌ. ครู
ญ.คณาจารย์ ฐ. ผู้บริหารสถานศึกษา ฒ. ผู้บริหารการศึกษา ณ. บุคลากรทางการศึกษา
ตอบ    ก.การศึกษา
            “การศึกษา” หมายความว่า กระบวนการเรียนรู้เพื่อความเจริญงอกงามของบุคคลและสังคมโดยการถ่ายทอดความรู้การฝึก การอบรม การสืบสานทางวัฒนธรรม การสร้างสรรค์จรรโลง ความก้าวหน้าทางวิชาการ การสร้างองคค์วามรู้อัน เกิดจากการจัดสภาพแวดล้อม สังคมการเรียนรู้และปัจจัยเกื้อหนุนให้บุคคลเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
            ซึ่งอธิบายความด้วยการตอบคำถาม คือ
            การศึกษาคืออะไร ตอบ คือ กระบวนการเรียนรู้ตลอดชีวิต
            เรียนรู้เพื่ออะไร ตอบ คือ เพื่อความเจริญของบุคคลและสังคม
            เรียนรู้อย่างไร ตอบ คือเรียนรู้โดยวิธีการต่าง ๆ เช่น ถ่ายทอดความรู้ฝึก อบรม สั่งสอน สังเกต วิเคราะห์ สร้างองค์ความรู้ สืบสาน สร้างสรรค์ จากบุคคล สื่อ ปัจจัยและ
สภาพแวดล้อมเป็นต้น (คำหมาน คนไค, 2543, 28)      
             ข. การศึกษาขั้นพื้นฐาน
             “การศึกษาขั้นพื้นฐาน” หมายความว่า การศึกษาก่อนระดับอุดมศึกษา
             ค. การศึกษาตลอดชีวิต
             “การศึกษาตลอดชีวิต” หมายความว่า การศึกษาที่สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต โดยเกิดจากการผสมผสานระหว่างการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบการศึกษาตามอัธยาศัย 
             ง. มาตรฐานการศึกษา 
            “มาตรฐานการศึกษา” หมายความว่า ข้อกำ หนดเกี่ยวกับคุณลักษณะคุณภาพที่พึงประสงค์และมาตรฐานที่ต้องการให้เกิดขึ้นในสถานศึกษาทุกแห่ง และเพื่อใช้เป็นหลักในการเทียบเคียงสา หรับส่งเสริมและกำกับดูแล การตรวจสอบ การประเมิน และการประกนัคุณภาพทางการศึกษา
             จ. การประกันคุณภาพภายใน 
             “การประกันคุณภาพภายใน” หมายความว่า การประเมินผลและการติดตามตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาจากภายใน โดยบุคลากรของสถานศึกษานั้น เอง หรือหน่วยงานต้นสังกัดที่มีหน้าที่กำกับดูแลสถานศึกษานั้น
             ช. การประกันคุณภาพภายนอก 
             “การประกันคุณภาพภายนอก” หมายความว่า การประเมินผลและการติดตามตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาจากภายนอก โดยสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษาหรือบุคคลหรือหน่วยงานภายนอกที่สำนักงานดังกล่าวรองรับ เพื่อเป็นการประกันคุณภาพและให้มีการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานของสถานศึกษา
             ซ. ผู้สอน 
            “ผู้สอน” หมายความว่า ครูและคณาจารย์ในสถานศึกษาระดับ ต่าง ๆ
             ฌ. ครู
            “ครู” หมายความวา่ บุคลากรวิชาชีพซึ่งทำ หน้าที่หลัก ทางด้านการเรียนการสอนและการส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการต่าง ๆ ในสถานศึกษาท้ั้งของรัฐและเอกชน
            ซึงอธิบายสมาน คนได (2543,29) กล่าวว่า ครู มีองค์ป ระกอบ 2 อย่างคือ
1. ทำหน้าที่หลักด้านการเรียนการสอน
2. ทำหน้าที่นั้น ในสถานศึกษา (ที่สอนต่ำ ว่า ปริญญา)
             ญ.คณาจารย์ 
             “คณาจารย์” หมายความวา่ บุคลากรซึ่งทำ หน้าที่หลัก ทางด้านการสอนและการวิจัยใน
สถานศึกษาระดับอุดมศึกษาและระดับปริญญาของรัฐและเอกชน
             ฐ. ผู้บริหารสถานศึกษา 
            “ผู้บริหารสถานศึกษา” หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพที่รับผิดชอบการบริหารสถานศึกษาแต่ละแห่งทั้งของรัฐและเอกชน
             ฒ. ผู้บริหารการศึกษา 
“ผู้บริหารการศึกษา” หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพที่รับผิดชอบการบริหารการศึกษานอกสถานศึกษาตั้งแต่ระดับ เขตพื้นที่การศึกษาขึ้นไป
             ณ. บุคลากรทางการศึกษา
             “บุคลากรทางการศึกษา” หมายความว่า ผู้บริหารสถานศึกษาผู้บริหารสถานศึกษารวมท้ั้งผู้สนับสนุนการศึกษาซึ่งเป็นผู้ทำ หน้าที่ให้บริการ หรือปฏิบัติงานเกี่ยวเนื่องกับ การจัดกระบวนการเรียนการสอน การนิเทศและการบริหารการศึกษาในหน่วยงานการศึกษาต่าง ๆ

2. ความมุ่งหมายและหลักการจัดการศึกษาได้กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการศึกษานี้อย่างไรบ้าง
ตอบ    หมวด 1 บททั่วไป ความมุ่งหมายและหลักการ
            ความมุ่งหมายและหลักการของการจัดการศึกษา (มาตรา 6-มาตรา 9)
            1. ความมุ่งหมายของการจัดการศึกษา (มาตรา 6)
                การจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจสติปัญญา ความรู้และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดำรงชีวิตสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข
            2. กระบวนการเรียนรู้(มาตรา 7)
                กระบวนการเรียนรู้ต้องมุ่งปลูกฝังจิตสำนึกที่ถูกต้องเกี่ยวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอัน มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รู้จักรักษาและส่งเสริมสิทธิหน้าที่ เสรีภาพความเคารพกฎหมายความเสมอภาค และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มีความภาคภูมิใจในความเป็นไทย รู้จักรักษาผลประโยชน์ส่วนรวมและของประเทศชาติรวมทั้งส่งเสริมศาสนาศิลปะวัฒนธรรมของชาติการกีฬา ภูมิปัญญาท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทยและความรู้อันเป็นสากล ตลอดจนอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีความสามารถในการประกอบอาชีพรู้จักพึ่งตนเอง มีความริเริ่มสร้างสรรค์ใฝ่รู้และเรียนรู้ดว้ยตนเองอย่างต่อเนื่อง
           3. หลักการจัดการศึกษา มี 3 ประการคือ(มาตรา 8)
(1) เป็นการศึกษาตลอดชีวิตสำหรับประชาชน
(2) ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
(3) การพัฒนาสาระและกระบวนการเรียนรู้ใหเ้ป็นไปอย่างต่อเนื่อง
3. หลักการจัดการศึกษาประกอบด้วยอะไรบ้าง จงอธิบาย
ตอบ    หลักการจัดการศึกษา มี 3 ประการคือ(มาตรา 8)
(1) เป็นการศึกษาตลอดชีวิตสำหรับประชาชน
(2) ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
(3) การพัฒนาสาระและกระบวนการเรียนรู้ใหเ้ป็นไปอย่างต่อเนื่อง

4. การจัดระบบ โครงสร้างและกระบวนการจัดการศึกษา ตามที่กฎหมายกำหนดมีอะไรบ้าง
ตอบ     การจัดระบบ โครงสร้าง และกระบวนการจัดการศึกษาให้ยึดหลักดั้งนี้(มาตรา 9)
(1) มีเอกภาพด้านนโยบาย และมีความหลากหลายในการปฏิบัติ
(2) มีการกระจายอำนาจ ไปสู่เขตพื้นที่การศึกษา สถานศึกษาและองคก์รปกครองส่วนท้องถิ่น
(3) มีการกำหนดมาตรฐานการศึกษา และจัดระบบประกันคุณภาพการศึกษาทุกระดับและประเภทการศึกษา
(4) มีหลกัการส่งเสริมมาตรฐานวิชาชีพครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา และการพัฒนาครูคณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษาอย่างต่อเนื่อง
(5) ระดมทรัพยากร จากแหล่งต่าง ๆ มาใช้ในการจัดการศึกษา
(6) การมีส่วนร่วม ของบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เอกชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอื่น

5. สิทธิและหน้าที่ทางการศึกษา ที่กำหนดไว้ในกฎหมายมีอะไรบ้าง
ตอบ        หมวด 2 สิทธิและหน้าที่ทางการศึกษา
                มีสาระสำคัญของหมวดนี้มีดังนี้(มาตรา 10-14) (ค าหมาน คนไค, 2543, 31)
1. การจัดการศึกษา ต้องจัดให้บุคคลมีสิทธิและโอกาสเสมอกันในการรับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่า 12 ปีอย่างทั่วถึง (Education for all) มีคุณภาพ (Educational Quaality) และไม่เก็บค่าใช้จ่าย(FreeEducation) (สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ, 2542, 17)
2. บุคคลที่มีความบกพร่องทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์สังคม ผู้ด้อยโอกาสและผู้มีควาสามารถพิเศษ มีสิทธิได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นพิเศษ
3. พ่อ แม่ ผู้ปกครอง บุคคล ครอบครัว องคก์รชุมชน องค์กรเอกชน สถานประกอบการสถาบันศาสนาและสถาบันอื่น ๆ มีสิทธิจัดการศึกษาขั้น พื้นฐานให้แก่บุตรหลานของตนหรือบุคคลทั่ว ไป ผู้จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานดงักล่าวมีสิทธิไดร้ับการสนบั สนุนและเงินอุดหนุนจากรัฐ รวมทั้งได้รับการลดหย่อนภาษีหรือยกเว้นภาษีตามที่กฎหมายกำหนด

6. ระบบการศึกษามีกี่รูปแบบแต่ละรูปแบบมีอะไรบ้าง จงอธิบาย
ตอบ 1. การจัดการศึกษามี 3 รูปแบบ คือ การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย สถานศึกษาแต่ละแห่งสามารถจดัการศึกษาได้3 รูปแบบหรือรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งซ่ึงท้งั 3 รูปแบบน้ีสามารถเทียบโอนกนัได้
          2. การจดัการศึกษาแบ่งเป็น 2 ระดบัคือการศึกษาขั้นพื้นฐาน การศึกษาระดับอุดมศึกษาสำหรับการศึกษาขั้นพื้นฐาน จะเรียกชื่อเป็นประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้นมัธยมศึกษาตอนปลาย หรืออย่างอื่นที่กำหนดในกฎกระทรวง การศึกษาระดบัอุดมศึกษา มี2 ระดับคือ ระดับปริญญาและต่ำ กว่า ปริญญา
           3. การศึกษาภาคบังคับ มีกา หนด9 ปี เด็กอายุ 6 ขวบต้องเข้าเรียนในสถานศึกษาขั้น พื้นฐานจนถึงอายุ 15 ขวบ เว้นแต่สอบได้ชั้น ปีที่9 ของการศึกษาภาคบังคับ หลักเกณฑ์การนับอายุให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
           4. การจดัการศึกษาปฐมวัยและการศึกษาขั้น พื้นฐาน ให้จัดในสถานศึกษา 3 ประเภทคือ 
(1) สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย (2) โรงเรียน (3) ศูนย์การเรียน
           5. การอาชีวศึกษาให้จัดในสถานศึกษาของรัฐและเอกชนรวมทั้งสถานประกอบการและองค์กรหรือหน่วยงานอื่น ตามกฎหมายว่า ด้วยอาชีวศึกษา
           6. กระทรวง ทบวง กรม รัฐวสิาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ อาจจัดการศึกษาเฉพาะทางตามความต้องการและความชา นาญของหน่วยงาน โดยคา นึงถึงนโยบายและมาตรฐานการศึกษาของชาติทั้งนี้ตามทหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขที่กา หนดในกฎกระทรวง

7. การจัดการศึกษาในระบบมีอะไรบ้าง จงอธิบาย
ตอบ  1. การจัดการศึกษามี 3 รูปแบบ คือ การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย สถานศึกษาแต่ละแห่งสามารถจัดการศึกษาได้3 รูปแบบหรือรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งซึ่งทั้ง 3 รูปแบบนี้สามารถเทียบโอนกันได้
          2. การจัดการศึกษาแบ่งเป็น 2 ระดับคือการศึกษาขั้น พื้นฐาน การศึกษาระดับอุดมศึกษาสำหรับการศึกษาขั้นพื้นฐานจะเรียกชื่อเป็นประถมศึกษามัธยมศึกษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอนปลายหรืออย่า งอื่นที่กา หนดในกฎกระทรวง การศึกษาระดับอุดมศึกษา มี2 ระดับคือ ระดับปริญญาและต่า กวา่ ปริญญา
          3. การศึกษาภาคบงัคบั มีกา หนด9 ปี เด็กอายุ 6 ขวบตอ้งเขา้เรียนในสถานศึกษาข้นั พ้ืนฐานจนถึงอายุ 15 ขวบ เวน้แต่สอบไดช้้นั ปีที่9 ของการศึกษาภาคบังคับ หลักเกณฑ์การนับอายุให้เป็นไปตามที่กา หนดในกฎกระทรวง
          4. การจัดการศึกษาปฐมวยัและการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้จัดในสถานศึกษา 3 ประเภทคือ 
(1) สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย (2) โรงเรียน (3) ศูนย์การเรียน
          5. การอาชีวศึกษาให้จัดในสถานศึกษาของรัฐและเอกชนรวมทั้งสถานประกอบการและองค์กรหรือหน่วยงานอื่น ตามกฎหมายว่า ด้วยอาชีวศึกษา
          6. กระทรวง ทบวง กรม รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ อาจจัดการศึกษาเฉพาะทางตามความต้องการและความชา นาญของหน่วยงาน โดยคา นึงถึงนโยบายและมาตรฐานการศึกษาของชาติท้งัน้ีตามทหลกัเกณฑ์วธิีการและเงื่อนไขที่กา หนดในกฎกระทรวง

8. สถานศึกษาที่เป็นนิติบุคคลเป็นอย่างไร
ตอบ     พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 มาตรา 39 กำหนดให้กระทรวงกระจายอำนาจการบริหาร และการจัดการศึกษา ทั้งด้านวิชาการ งบประมาณ การบริหารงานบุคคลและการบริหารทั่วไป ไปยังคณะกรรมการและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และสถานศึกษาในเขตพื้นที่โดยตรง การกระจายอำนาจดังกล่าว จะทำให้สถานศึกษาคล่องตัว มีอิสระในการบริหารจัดการ ตามหลักของการบริหารจัดการโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน (School-based management: SBM) ซึ่งคาดหวังว่าจะเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับสถานศึกษาสามารถจัดการศึกษาได้อย่างมีคุณภาพได้มาตรฐานและสามารถพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
             จากหลักการดังกล่าว จึงกำหนดให้สถานศึกษาเป็นนิติบุคคลโดยได้บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการพ.ศ. 2546 ในมาตรา 35 ว่าสถานศึกษาที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานตามมาตรา 34 (2) เฉพาะที่เป็นโรงเรียนมีฐานะเป็นนิติบุคคล และเมื่อมีการยุบเลิกสถานศึกษาตามวรรคหนึ่งให้ความเป็นนิติบุคคลสิ้นสุดลง

9. แนวทางการจัดการศึกษามีหลักยึดอะไรบ้าง
ตอบ    ยึดหลักว่า ทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ให้ถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญ ที่สุด
และต้องให้แต่ละคนสามารถพัฒนาตามความถนัดความสนใจและเต็มศักยภาพของเขา

10. ท่านเห็นด้วยหรือไม่ที่กำหนดให้ครู   ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา ทั้งรัฐและเอกชนจะต้องมีใบประกอบวิชาชีพ
ตอบ    เห็นด้วยเพราะคนที่จะมาทำหน้าที่ในฐานะครูจำเป็นต้องมีใบประกอบวิชาชีพเพราะครู คือ บุคลากรวิชาชีพซึ่งทำ หน้าที่หลัก ทางด้านการเรียนการสอนและการส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการต่าง ๆ ในสถานศึกษาท้ั้งของรัฐและเอกชน 
            หากไม่จำเป็นต้องมีใบประกอบวิชาชีพแล้วการเรียนการสอนก็ได้ผลสัมฤทธิ์ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน

11. มีวิธีการระดมทรัพยากรเพื่อพัฒนาการศึกษาในท้องถิ่นของท่านได้อย่างบ้าง
ตอบ     ร่วมขอรับบริจาคทรัพย์สิน ระดมทรัพยากรจากชาวบ้าน ภายในชุมชนโดยจะนำมาใช้ในการจัดการศึกษา

12. การพัฒนาสื่อและเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา มีวิธีการพัฒนาได้อย่างไ
ตอบ     1.ศึกษา สำรวจ วิเคราะห์สภาพปัญหา การจัดหา การเลือกใช้และการประเมินคุณภาพสื่อนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อใช้จัดการเรียนการสอนและการบริหารงานวิชาการของสถานศึกษา
             2.จัดหาสื่อและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อใช้ในการเรียนการสอนและการพัฒนางานด้านวิชาการ
             3.เลือกใช้สื่อและเทคโนโลยีที่ผ่านการประเมินคุณภาพทางวิชาการ จากคณะกรรมการของสถานศึกษา
             4.ผลิต พัฒนาสื่อ นวัตกรรมการเรียนการสอน รวมทั้งประเมินคุณภาพสื่อฯเพื่อเลือกใช้ประกอบการเรียนการสอน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น